สัมผัสน้ำทะเลแห่งจังหวัดเกียวโต ชมวิวสะพานสู่สรวงสวรรค์ที่ “Amanohashidate” ตอนที่1

On Top

“Amanohashidate (อามาโนะฮาชิดาเตะ)” ซึ่งมีความหมายในภาษาไทยว่า สะพานสู่สรวงสวรรค์ ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวชายทะเลที่สวยงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น (อีกสองแห่งคือ เกาะ Miyajima แห่งเมือง Hiroshima และอ่าว Matsushima แห่งเมือง Sendai) สถานที่แห่งนี้มีตำนานเล่าขานกันว่าเป็นเส้นทางที่เทพเจ้าใช้ลงจากสรวงสวรรค์เพื่อมายังโลกมนุษย์

จุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองมิยาสึ (Miyazu) ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของจังหวัดเกียวโต โดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวจะจดจำภาพลักษณ์ของเกียวโตว่าเป็นเมืองหลวงเก่า สถานที่ท่องเที่ยวก็คงจะไม่พ้นวัดวาอารามและวังโบราณคล้ายกับอยุธยาบ้านเรา แต่น้อยคนนักที่จะเดินทางไปถึงพื้นที่ตอนบนของจังหวัดเกียวโต สถานที่ที่ท่านจะได้พบกับเมืองริมทะเลอันแสนสงบ

ภาพของสันทรายที่มีสีขาวความยาวกว่า 3 กิโลเมตรที่โผล่พ้นน้ำทะเลขึ้นมากลางอ่าวมิยาสึ (Miyazu Bay) เป็นที่สะดุดตาต่อนักท่องเที่ยว ที่ชอบเดินทางหรือชีพจรลงเท้าทั้งหลาย ที่มักจะแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ ใหม่ๅ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นและก่อให้เกิดภาพที่สวยงาม บนยอดภูเขาทั้ง 2 ฝั่งที่ปลายทางของสันทรายแห่งนี้จึงกลายเป็นจุดชมวิวริมทะเลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมานานหลายศตวรรษ

วิธีการเดินทางมายัง Amanohashidate ไม่ใช่เรื่องยาก นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินคันไซ (Kansai) นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จากนั้นนั่งรถไฟตรงดิ่งมาจากสนามบินคันไซก็จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้เราสามารถวางแผนการเดินทางให้คุ้มค่าได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น แวะพักที่โอซาก้าก่อน 1 คืน วันรุ่งขึ้นเที่ยวอยู่ในตัวเมืองเกียวโตแล้วค่อยเดินทางไปยัง Amanohashidate หรือจากสนามบินแวะเที่ยวเกียวโตก่อนแล้วนั่งรถไฟยาวเพื่อไปพักค้างคืนก่อนแล้วเริ่มเที่ยวในวันรุ่งขึ้น

ในกรณีที่เดินทางจากสถานีเกียวโต ผู้ถือบัตรเบ่งอย่าง JR Rail Pass สามารถใช้นั่งรถไฟแบบ Limited Express สาย Hashidate นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน

แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ซื้อพาสรถไฟก็ไม่ต้องเป็นกังวล เราสามารถประหยัดค่ารถไฟด้วยการขึ้นรถไฟธรรมดาโดยนั่งรถไฟสาย JR ไปลงที่สถานี Fukuchiyama ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นเปลี่ยนสายรถไฟเป็น Tango Railways ซึ่งเป็นรถไฟในเครือเอกชนตรงไปยังสถานี Amanohashidate ได้เช่นกัน ซึ่งค่ารถไฟที่ต้องจ่ายจะราคาเพียง 2,300 เยนเท่านั้น แต่ก็ต้องแลกกับเวลาที่นานขึ้น เพราะรถไฟขบวนนี้ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

สถานี Amanohashidate เป็นเพียงสถานีขนาดเล็กที่เปรียบเสมือนประตูทางเข้าสู่เมืองริมทะเลอันเงียบสงบ ตัวสถานีใช้ไม้เป็นวัสดุก่อสร้างเสียส่วนใหญ่ โครงสร้างสถานีจึงค่อนข้างแตกต่างจากสถานีใหญ่ๆในตัวเมือง เราสามารถมองเห็นต้นไม้ริมทางและบ้านเรือนได้จากตัวสถานี ไม่มีกำแพงปูนมาบดบังแต่อย่างใด อากาศในสถานีจึงปลอดโปร่งโล่งสบาย ภายในสถานีใช้สีน้ำตาลเป็นโทนหลักในการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทางหรือเก้าอี้จุดนี้ทำให้ตัวสถานีสามารถกลมกลืนไปกับธรรมชาติได้อย่างลงตัวยิ่งนัก

เดินข้ามสะพานไม้เพื่อไปยังทางออกของสถานีก็จะพบป้าย Sightseeing Information ที่แสดงถึงจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่ตั้งอยู่ภายในเมืองเล็กๆที่สวยงามแห่งนี้

ลากกระเป๋าเดินออกมาจากสถานีบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แม้ตัวสถานีจะดูเก่าแก่โบราณ แต่เมื่อออกมาจากสถานีแล้ว เคาน์เตอร์ขายตั๋วและจุดนั่งพักกลับมีการตกแต่งอย่างทันสมัยไม่แพ้สถานีใหญ่ในเมืองเลยทีเดียว มีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วคอยให้บริการ รวมทั้งตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ อีกทั้งจุดบริการนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ด้านข้างสำหรับอำนวยความสะดวกและให้ข้อมูลกับผู้มาเยือน เอกสารประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆภายในเมืองวางเรียงรายบนชั้นรอคอยให้นักท่องเที่ยวมาหยิบอ่าน ยังมีทั้งล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ตู้ขายไอศครีมอัตโนมัติ รวมไปถึงมินิมาร์ทขนาดย่อม

จากสถานีรถไฟ ใช้เวลาเดินเท้าเพียง 2 นาทีก็ไปถึงทางเข้าของโรงแรม Amanohashidate ชื่อโรงแรมถูกตั้งให้เหมือนกับชื่อสถานี และด้วย Location ที่ดีที่สุดในเมืองนี้ โรงแรมแห่งนี้จึงค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับนักเดินทางที่นิยมท่องเที่ยวด้วยตนเองแบบไม่ง้อทัวร์

ด้านหน้าทางเข้ามีพื้นที่จอดรถสำหรับแขกที่มาพักในโรงแรม ส่วนพื้นที่ด้านหน้าประตูทางเข้าเป็นจุดจอดจักรยานสำหรับเช่าไว้คอยบริการนักปั่นทั้งหลาย

เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมแล้ว เคาน์เตอร์ต้อนรับจะตั้งอยู่ทางขวามือ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นร้านขายของที่ระลึกที่มีสินค้าให้บริการมากมายตั้งแต่ขนม อาหารแห้ง ไปจนถึงของฝากประจำเมือง

เมื่อแสดงหลักฐานการจองห้องพักต่อเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเข้าห้อง รูปแบบห้องพักของโรงแรมนี้จะเป็นแบบกึ่งกลางระหว่าง Western Style และ Japanese Style คือมีทั้งห้องแบบมีเตียงและไม่มีเตียง (นอนฟูก) ภายในห้องจะมีส่วนที่ตกแต่งด้วยเสื่อทาทามิ โดยใช้เป็นพื้นที่สำหรับดูโทรทัศน์ หรือดื่มชากาแฟ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่ของเตียงนอน แต่จุดเด่นและจุดขายของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ ห้องพักทุกห้องหันหน้าออกทางทะเล ทำให้แขกที่พักทุกท่านสามารถชมวิวอ่าวมิยาสึได้อย่างจุใจ

ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวนความสะดวกพร้อมสรรพ ตั้งแต่โทรทัศน์ กาต้มน้ำ ถ้วยชากาแฟ ตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ ชุดคลุมยูกาตะ และชุดเครื่องนอนสำรองในกรณีที่ต้องการหมอนหรือผ้าห่มเพิ่ม

  

ห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนระหว่างห้องส้วมและห้องอาบน้ำ ด้านในมีอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสบู่ก้อน ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมนวดผม ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม เป็นต้น เรียกได้ว่าสะดวกสบายและครบครันเหมือนกับโรงแรม 5 ดาวก็ว่าได้

เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาของอาหารค่ำสุดพิเศษ เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักท่องเที่ยวว่าโรงแรมหรือเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นในแถบชนบทนั้นมักจะรวมอาหารเย็นไว้ด้วยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพื่ออำนวยสะดวกต่อแขกผู้มาพักและเพื่อให้พวกเขาได้ใช้เวลาพักผ่อนภายในโรงแรมได้อย่างเต็มที่ การปล่อยให้นักท่องเที่ยวออกไปเดินหาร้านอาหารทานเองในแถบชนบนคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วร้านรวงมักจะปิดทำการเร็ว แตกต่างจากร้านในเมืองใหญ่ๆ

 

เรียวกังบางแห่งจัดชุดอาหารให้ทานกันแบบส่วนตัวในห้องพัก แต่เนื่องจากที่นี่เป็นโรงแรมจึงมีห้องอาหารแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยจะตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ชั้นเดียวกับบ่อออนเซ็นสาธารณะที่เปิดให้บริการฟรีเฉพาะแขกที่มาเข้าพัก ห้องอาหารแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือมีโต๊ะใหญ่ตรงกลาง สำหรับลูกค้าที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์หรือหมู่คณะ ด้านข้างซ้ายขวากั้นแบ่งเป็นห้องขนาดกลางสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีจำนวน 6-8 คน และพื้นที่ด้านในติดฝั่งกระจกใช้สำหรับลูกค้าจำนวนน้อยที่มากันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่มเพื่อนประมาณ 3-4 คน โดยทุกโต๊ะจะมีฉากไม้กั้นระหว่างกลาง สร้างความเป็นส่วนตัวได้อย่างลงตัว

เมื่อเข้ามาในห้องอาหาร เจ้าหน้าที่จะสอบถามชื่อนามสกุลของผู้เข้าพัก และพาไปยังโต๊ะที่จองไว้ บนโต๊ะจะเต็มไปด้วยจานชามเล็กใหญ่หลายขนาดวางเรียงเป็นชุด มีถ้วยน้ำจิ้มวางอยู่ด้านข้างจานหลักทั้งหลายพร้อมหม้อนึ่งขนาดเล็กแบบส่วนตัว อาหารจะมีตั้งแต่ปลาซาบะ หอยเชลล์ กุ้ง ซาซิมิ (เนื้อปลาดิบ) เนื้อวัว เทมปูระ (ผักชุบแป้งทอด) ไข่ตุ๋น ไปจนถึงขนมหวานอย่างพุดดิ้งผลไม้ เรียกได้ว่าครบหมู่โภชนาการอย่างเต็มรูปแบบ

ดื่มด่ำไปกับอาหารชุดใหญ่แล้วก็สามารถใช้เวลาช่วงค่ำโดยการออกไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกโรงแรม ก่อนจะกลับมาผ่อนคลายด้วยการแช่ออนเซ็นภายในโรงแรม ออนเซ็นแบ่งออกเป็น 2 ห้องแยกฝั่งชายหญิงชัดเจน แต่โรงแรมจะมีการกำหนดเวลาสำหรับทำความสะอาดบ่อออนเซ็นก่อนจะสับเปลี่ยนห้องชายหญิงในตอนเช้า เพื่อให้แขกผู้เข้าพักได้มีโอกาสเข้าแช่ออนเซ็นทั้ง 2 บ่อ อธิบายง่ายๆคือช่วงเช้าห้องทางซ้ายมือจะเป็นออนเซ็นสำหรับผู้หญิง แต่พอช่วงบ่ายถึงค่ำก็จะเปลี่ยนเป็นออนเซ็นสำหรับผู้ชายแทน เป็นต้น

ด้านในห้องแช่ออนเซ็นมีทั้งอ่างล้างหน้า โต๊ะเครื่องแป้ง อุปกรณ์แต่งหน้าทำผม และตู้ล็อคเกอร์ใส่สัมภาระ ด้านในจะมีทั้งห้องอบซาวน่า ห้องอบเกลือ ฝักบัวสำหรับอาบน้ำ พร้อมแชมพูสระผม ครีมนวด ครีมอาบน้ำครบเซ็ต บ่อออนเซ็นก็มีทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม ให้แขกผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่

และนอกจากออนเซ็นแบบแช่ตัวแล้ว บริเวณชั้น 1 ด้านนอกของโรงแรมยังมีมุมสำหรับออนเซ็นแช่เท้าที่หันหน้าออกทางทะเล เพื่อให้สามารถชมวิวไปด้วยแช่เท้าไปด้วยในเวลาเดียวกัน

Story By Bamboo 

**********************************

เป็นอย่างไรบ้างคะ กำลังสนุกกับเมือง “Amanohashidate” เลยใช่ไหมคะเพื่อนๆ ไว้ติดตามต่อใน ตอนที่ 2 นะคะ 😛

ขอบคุณข้อมูลการท่องเที่ยวจาก
http://www.talonjapan.com/
http://www.amanohashidate.jp/

**************************************************

Social Media

Get The Latest Updates

Subscribe To Our Weekly Newsletter

No spam, notifications only about new products, updates.

Categories

On Trend

Most Popular Stories

ดารุมะ วัดคัตสึโอจิ!

            วัดคัตสึโอจิ หรือวัดที่เราเรียกกันว่า วัดดารุมะ เพราะมีดารุมะเยอะมากกกก จริง ๆ แล้วมีประวัติยาวนานถึง 1300 ปี ถูกสร้างขึ้นในยุคนาระ ปี ค.ศ.727             เป็นวัดที่เหล่านักรบในอดีตมักมาขอพรกัน ให้ประสบชัยชนะในการรบ

สอนวิธีวางแผนเส้นทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วย Hyperdia ง่ายม๊ากกกกกก…

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เดินทางด้วยรถไฟเป็นหลักครับ หากคุณจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้วละก็ รถไฟคือสิ่งจำเป็นที่คุณต้องใช้และเรียนรู้

ตามรอยสามก๊ก เสฉวน-ฉงชิ่ง : แช่ออนเซ็น เที่ยวเมืองโบราณ ชมธรรมชาติสุดอลังการเว่อร์วัง กับ SBA Travel

การท่องเที่ยวประเทศจีนด้วยการใช้บริการบริษัททัวร์เป็นทางเลือกที่ดีมาก สำหรับผู้ที่ไม่รู้ภาษาจีน เพราะแม้กระทั่งการสั่งอาหารการกินยังยากเลย ฉะนั้นไปกับทัวร์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

7 บ่อ ออนเซ็น แช่แล้วฟิน… แถมเสริมสิริมงคล… ต้องคิโนซากิ ออนเซ็น ไม่ไกลจากโอซาก้า

คิโนซากิออนเซ็น เป็นเมืองขนาดเล็กเปรียบเสมือนหมู่บ้านที่ยังคงรักษาสภาพบ้านเรือนและเป็นอยู่ในแบบโบราณมาจนถึงทุกวันนี้